โดยทั่วไปมีแหล่งกำเนิดไฟอยู่ 2 แหล่งคือ

• หลอดไฟ นอกจากเราควรจะเลือกหลอดไฟตู้ปลา ให้เหมาะสมแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือในเวลากลางคืนคือ ควรปิดไฟให้ปลาได้นอนพักผ่อน ปลาเป็นสัตว์ที่ไม่มีเปลือกตา เวลาปลานอนจะลอยตัวอยู่นิ่งๆ ทำให้เราดูเหมือนว่ามันตื่นตลอดเวลา และเวลาติดหลอดไฟควรติดตรงตำแหน่งที่น้ำไม่กระเด็นโดนขั่วหลอดไฟ ป้องกันการเกิดไฟฟ้ารัดวงจร
• แสงอาทิตย์ เป็นอีก 1 ตัวแปรที่จะช่วยทำให้ปลามีสีสันสดใส หลอดไฟที่เคมว่ามีความเข้มแสงเทียบเท่าแสงอาทิตย์ จากประสบการณ์ที่ลองๆมา ปลาที่โดนแสงแดด กับปลาที่โดนแต่แสงของหลอดไฟ เห็นชัดว่าปลาที่โดนแสงแดด สีจะเข้มกว่า และแสงแดดยังทำให้ปลามีสุขภาพแข็งแรง แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องตะไคร่น้ำที่โตได้เร็วขึ้น

หลอดไฟเราแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

      1. หลอดฟลูออเรสเซนต์ มันคือหลอดไฟธรรมดาที่เราใช้ทั่วๆไปตามบ้านนั้นเอง มีสีขาวธรรมดา

      2. หลอดแสงอาทิตย์ ซึ่งแบ่งออกได้ประมาณ 3 ประเภทใหญ่ๆครับ หลอดชนิดนี้จะเลียนแบบแสงอาทิตย์ ตามช่วงแสงที่แตกต่างกันออกไปดังนี้:

• หลอดสีชมพูอมฟ้า แต่เวลาเราใช้งานด้วยอุณหภูมิแสงที่สูงถึง 10000 เคลวิน เวลาเราใช้งานแสงจะออกขาวจ้าๆ คล้ายแสงอาทิตย์ในตอนเที่ยง ใช้ได้ทั้งปลาน้ำจืด น้ำเค็ม และสำหรับเลี้ยงไม้น้ำ หลอดชนิดนี้เหมาะสำหรับตู้ที่ต้องการความสว่างสูง สม่ำเสมอทั่วทั้งตู้ (ถ้ายี่ห้อ sylvania จะเป็นรุ่น aquastar)

• หลอดสีฟ้าอมม่วง เหมาะกับปลาน้ำเค็ม และคนที่เลี้ยงปะการัง หรือดอกไม้ทะเล เพราะสีของหลอดชนิดนี้ คล้ายกับแสงสว่างบริเวณที่ปะการังน้ำลึกอาศัยอยู่ จะช่วยกระตุ้นให้ปะการัง มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ (ถ้ายี่ห้อ sylvania จะเป็นรุ่น coralstar)

•  หลอดสีขาวอมชมพู เป็นหลอดที่มีความเข้มแสงสูงกว่าหลอดอื่นๆ มีคลื่นแสงเทียบเท่าแสงแดดที่จำเป็นต่อไม้น้ำ จึงเหมาะหรับใช้กับตู้ที่รับแสงแดดไม่พอ และด้วยความเข้มข้นแสงที่สูง จะช่วยขับสีของปลาให้เข้มขึ้น (ถ้ายี่ห้อ sylvania จะเป็นรุ่น gro-lux) 

หมายเหตุ: เราไม่ได้รับค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่อยากให้เห็นภาพมากขึ้น เลยเลือกยกตัวอย่างยี่ห้อ sylvania ขึ้นมา

• Facebook
• Twitter
• Line